จงเป็นคนที่เชื่อถือได้ แม้ใครจะเกลียดก็ช่าง

จงเป็นคนที่เชื่อถือได้ แม้ใครจะเกลียดก็ช่าง

 

 

 

 

 

       เรามีหัวหน้าทีมขาย 2 ทีม ทีมแรกมีหัวหน้าชื่อ เปิ้ล อีกทีมมีหัวหน้าชื่อ ปาน  ในสภาวะเศรษฐกิจปกติยอดขายของสองทีมไม่แตกต่างกันมากนัก  แต่พอมีปัญหาเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นที่ต้องลดจำนวนพนักงานลง 1 ปีผ่านไปเริ่มเห็นความแตกต่าง  ทีมงานของคุณเปิ้ลสามารถรักษายอดการขายไว้ได้  ขณะที่ทีมขายของคุณปานยอดขายตกฮวบ

 

       ความแตกต่างของสองคนเกิดขึ้นเนื่องจากการลดจำนวนบุคลากร  คุณเปิ้ล บอกลูกน้องไปตรงๆ ว่า ภาระของแต่ละคนจะเพิ่มขึ้น บางครั้งเขากระตุ้นพนักงานขายด้วยความรุนแรง โดยเตรียมใจแล้วว่าอาจเกิดการกระทบกระทั่งกันบ้าง   เพราะคุณเปิ้ล ตั้งเป้ายอดขายไว้สูงจึงมีปากเสียงกับลูกน้องประจำ แต่ละครั้งต้องคอยพูดโน้มน้าวลูกน้องอยู่เป็นชั่วโมง

 

       ส่วนคุณปาน กลัวถูกลูกน้องเกลียด เพราะคิดแต่ว่า “ถ้าเข้มงวดมากเกินไป ลูกน้องจะพากันไม่ชอบหน้า  ต้องไม่โดดเดี่ยวตัวเอง  แม้ลูกน้องจะทำงานชุ่ยบ้าง ผิดพลาดบ้าง ก็เงียบไว้ดีกว่า เพื่อให้ได้รับความร่วมมือกับทุกคน ”   จากนั้นก็แสดงท่าทางใจกว้างแม้กับพนักงานที่ไม่ตั้งใจทำงานก็ตาม  ลูกน้องจึงไม่เกลียดเขา  แต่คุณภาพนับวันจะแย่ลง ยอดขายก็ค่อยๆ ตกตามไปด้วย

 

       ทั้งๆ ที่คุณปานให้ความสำคัญกับการเป็นที่ชื่นชอบมากกว่า แต่ทำไมจึงควบคุมลูกน้องไม่อยู่  นั้นเป็นเพราะคุณปานมี  “ความเมตตา”  แต่ขาด  “ความถูกต้อง”  พนักงานทุกคนรู้ดีว่า การทำงานแบบที่ผ่านมาส่งผลให้ยอดขายตก  แต่กระนั้นคุณปาน กลับเพิกเฉยเรื่องการทำงานแบบลวกๆ ชุ่ยๆ และมีความผิดพลาด  อีกทั้งยังปล่อยปะละเลยลูกน้องที่เป็นตัวถ่วง 

 

       ดังนั้นแน่นอนว่าพนักงานคนอื่นๆ รวมทั้งพนักงานที่โดดงานจึงพากันคิดว่า “คนๆ นี้ทำเรื่องไม่ถูกต้องได้อย่างหน้าตาเฉย คำพูดและการกระทำของเขาเชื่อถือไม่ได้หรอก” ต่อให้เป็นคนที่เราชื่นชอบแค่ไหน  แต่ถ้าเบื้องลึกปราศจากความเชื่อถือก็ไม่มีใครเข้าใกล้  พนักงานที่ดีๆ ก็จะหายจากไปเพราะไม่สามารถฝากอนาคตไว้กับหน่วยงานนี้ได้

 

       คุณปาน สนใจแต่การเป็นที่ชื่นชอบจนไม่รู้ว่าตนเองสูญเสียความเชื่อถือไปแล้ว ในทางกลับกัน คุณเปิ้ล พูดเรื่องที่ถูกต้องมาตลอดถึงแม้ต้องเสี่ยงกับการถูกลูกน้องเกลียด  ผลที่ได้คือการกระทบกระทั่งกับลูกน้องเป็นประจำ แต่ลูกน้องกลับคิดว่า “บางครั้งฉันก็โมโหเขาเหมือนกัน  แต่เขาไม่เคยพูดมั่วซั่ว  ในเมื่อเขาบอกพวกเรามีความสำคัญ  ก็คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ” คุณเปิ้ลจึงได้รับความเชื่อถือซึ่งส่งผลให้เกิดความร่วมมือต่อกันมากขึ้น  โดยมองข้ามความขัดแย้งทางด้านอารมณ์ เวลาจูงใจคน “ความชื่นชอบ” เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ  แต่ “ความเชื่อถือ” เป็นเงื่อนไขที่สำคัญกว่า

 

       แน่นอนว่า ถ้าเราได้รับทั้งความชื่นชอบและความเชื่อถือนั้นดีที่สุด  แต่ในกรณีที่เลือกไม่ได้ ควรให้ความสำคัญกับความเชื่อถือมากกว่า  และเตรียมใจที่จะโดนเกลียดไว้ด้วย เพราะหากไม่เกิดความเชื่อถือ ก็จะไม่เกิดความร่วมมือ การกู้ความน่าเชื่อถือกลับมาเป็นเรื่องยาก ต่อให้พยายามทำงานอย่างซื่อตรงแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมรับ หรือบางกรณีอาจไม่เป็นผลด้วยซ้ำ  การโกหกหรือการหักหลัง เพียงครั้งเดียวอาจส่งผลกระทบไปตลอดชีวิต

 

       ส่วนการไม่เป็นการชื่นชอบนั้นแก้ได้ไม่ยากด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ผลัดกันรินเบียร์ให้คนที่เราทะเลาะด้วย เดี๋ยวก็ปรับความเข้าใจกันได้ หรือเราอาจจะชมเขาบ่อยๆ สักวันเขาก็หันมาชอบเราได้ อย่ากลัวคนอื่นเกลียดจนเกินไป  สิ่งที่ควรกลัวมากกว่านั้นคือการสูญเสียความเชื่อถือ เมื่อต้องการจูงใจคน ขอให้จำเรื่องนี้จนขึ้นใจด้วยนะครับ

 

 

 

 

Credit : คุณวิโรจน์  เย็นสวัสดิ์  |  Facebook

 3147
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

ข่าวสารล่าสุด

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2557 เวลา 13.30-16.00 น. อาจารย์นิลาวรรณ วงศ์ศิลปมรกต อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ พร้อมคณะอาจารย์ และ ...
1918 ผู้เข้าชม
หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ พร้อมคณะอาจารย์ และ นักศึกษาระดับชั้น ปวช.ปีที่ 1 รวมทั้งสิ้น 73 คน ได้เข้าเยี่ยมชม บริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค จำกัด
2520 ผู้เข้าชม
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 เวลา 14.00 น. Mr. Marc Miller Vice Consul ได้เข้าเยี่ยมชมบริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค จำกัด
2027 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์