3 แนวทางสร้างสรรค์แบรนด์ตัวแม่ที่มากกว่าตราสินค้า

3 แนวทางสร้างสรรค์แบรนด์ตัวแม่ที่มากกว่าตราสินค้า




วันนี้ แบรนด์มาไกลกว่าตราสินค้า แบรนด์ไม่ได้เป็นเพียงโลโกของสินค้า แต่แบรนด์คือ “คน” คนหนึ่งที่มีชีวิตบนคำว่า Human Spirit ที่เป็นมากกว่า Human Centric ที่มาจาก Insight ของผู้บริโภค ที่นักการตลาดต้องอาศัยชั้นเชิงสื่อสารความเป็นตัวตนทำให้แบรนด์แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง ให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นเจ้าของแบรนด์ นำพามาซึ่งยอดจำหน่ายและ Brand Loyalty ในที่สุด ในยุคที่ Product Development ไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ได้

Spirit ของแบรนด์ จึงกลายเป็นสิ่งที่มาแรงในยุคนี้ แบรนด์ที่ทรงพลังจะต้องมี ธรรมชาติของแบรนด์ที่มาพร้อมกับ Spirit หรือจิตวิญญาณของแบรนด์ที่ชัดเจน ที่สร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ของแท้ ที่มีตัวตนชัดเจนไม่ใช่แบรนด์ลอกเลียบแบบ และที่สำคัญเมื่อแบรนด์สื่อสารออกไป ผู้บริโภคจะต้องรับรู้ได้ทันทีหรือจดจำได้ว่าโฆษณาที่เห็นอยู่นั้น คือแบรนด์อะไร รวมถึงการจดจำแบรนด์ที่อยู่ในโฆษณานั้นได้ ไม่ใช่เพียงจดจำโฆษณาได้ ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการสื่อการของนักการตลาดที่ไม่สูญเม็ดเงินฟรีจากการสื่อสาร

และแบรนด์ที่มีตัวตนที่ชัดเจน จะสามารถพัฒนาเป็นเคาน์เจอร์ หรือลัทธิที่ผู้บริโภคขาดไม่ได้ในที่สุด

อย่างเช่น Facebook,Line, IG โซเชียลเน็ตเวิร์คที่สร้างพฤติกรรมการใช้งานให้ผู้ใช้รู้สึกติดจนรู้สึกว่าไม่สามารถขาดได้ ซึ่งเป็นเหมือนการสร้างลัทธิผ่านกลยุทธ์ที่เฉียบคมและลงลึกถึง Insight ผู้บริโภค

การเริ่มต้นสร้าง Brand Spirit ให้น่าสนใจต้องมาจากส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ 3 ประการบนคำว่า Insight ผู้บริโภค ที่เล่นอยู่อารมณ์ของ “คน” ทำให้เกิด Preservation ที่เป็นอารมณ์อยู่ในใจ เช่น Starbucks ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่คือบ้านหลังที่ 3 ของผู้บริโภค Nike ไม่ใช่รองเท้ากีฬาแต่คือชัยชนะของผู้ที่สวมใส่

1. Brand Believe สื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์มีความเชื่ออย่างไร กับสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว

2. Brand Promise เลิกสื่อสารถึงความเก่งของแบรนด์ เลิกพูดแค่เรื่องฟังก์ชั่นของโปรดักท์ว่าดีอย่างไร แต่ต้องนำชีวิตความต้องการของผู้บริโภคเป็นฮีโร่ นำเสนอความเป็นฮีโร่ของผู้บริโภค โดยแบรนด์เป็นผู้เบื้องหลังหรือช่วยส่งเสริมความเป็นฮีโร่ของผู้บริโภคอย่างไร เพื่อให้เกิด Win Heart และ Win Mind ในใจผู้บริโภค และผลักดันสู่ Win Head และ Win Spirit เกิดพฤติกรรมเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

3.Story Telling นักเล่านิทานที่ดี การแข่งขันที่ไม่สามารถนำโปรดักท์เป็นจุดสร้างความแตกต่างได้ ความลับของธุรกิจต่างกันตรงที่การเล่าเรื่องที่สะท้อน Believe และ Promise ของแบรนด์ และองค์กร

ทั้งนี้การสร้าง Brand Spirit นั้นยังคงทำอยู่บนพื้นฐาน 5W +1H ได้แก่ Who - ตัวตนของแบรนด์ Why - หา Brand Purpose สื่อสารแทนการขายสินค้า What - Brand Difference บน Brand Promise When - เลือกเวลาที่จะสื่อสาร Where - Touch Point กับผู้บริโภค และ How - หา Style ของแบรนด์ให้เจอ และใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสื่อสาร แล้วการสร้างแบรนด์สู่แบรนด์ตัวแม่จะไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์ใหญ่เขาทำกันเท่านั้น แค่แบรนด์เล็กก็เกิดได้ ถ้ามี Brand Spirit ที่เข้มแข็งพอ




Credit : marketeer.co.th

 2881
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

บทความล่าสุด

รู้หรือไม่ว่า ในช่วงแรกเริ่มของ Alibaba แจ๊ค หม่า ไม่จ้างคนเก่งมาร่วมทีม แต่กลับเลือกคนที่อยู่ลำดับรองมาร่วมงานด้วย
17304 ผู้เข้าชม
หลังเรียนจบปริญญาตรีและเข้าทำงานที่อิออน ห้างค้าปลีกใหญ่สุดของญี่ปุ่น กระทั่งต้นทศวรรษ 1970 ทาดาชิ ยานาอิ ซึ่งอยู่ในวัย 20 กว่าปีก็ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปสานต่อธุรกิจ...
13175 ผู้เข้าชม
ผมมักจะเขียนถึงเรื่องการขายที่เชื่อมโยงกับกีฬาฟุตบอลอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะกีฬาชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับระบบการทำงานในองค์กรอย่างน่าประหลาด
7706 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์