คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงค์ชีวิตแทบจะในทุกมิติ และที่สำคัญไปมากกว่านั้น เรากำลังอยู่ในยุคที่การเติบโตของเทคโนโลยีเกิดขึ้นทุกๆ นาที.. บางครั้งก็เป็นหลัก วินาที.. นั่นหมายความว่า ถ้าคุณช้าไปเพียงวินาทีเดียว ธุรกิจของคุณอาจกลายเป็นที่สองได้
ลองสังเกตุรอบตัวดูนะครับ
Smart Phone ที่แทบไม่ต่างอะไรจาก Desktop
Wearable Device ที่แทบจะทำหน้าที่แทนหมอในการตรวจร่างกาย
Robot ที่นับวันจะเหมือนคนเข้าไปทุกที
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องยืนยันว่า โลกใบนี้กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี.. แบรนด์เองก็เช่นกัน
แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับ มันไม่ใช่เทคโนโลยีที่เพิ่งเกิด หากแต่เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามากขึ้นจนอาจจะเรียกได้ว่า ตัวมันเองมีความฉลาด.. มากกว่าในอดีต
ความฉลาดนั้นได้มาอย่างไร?
สมัยก่อนตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในสายวิศวกรรมศาสตร์ผมเคยได้มีโอกาสไปฝึกงานกับบริษัทที่ชื่อว่า "Intel"
Intel คือ บริษัทผลิตไมโครโพรเซอเซอร์หรือ “สมอง” ที่ควบคุมการของระบบต่างๆ รายใหญ่ที่สุดของโลก หลายคนรู้จัก Intel จาก Brand Positioning ที่ชื่อว่า “Intel Inside” ซึ่งการประกาศชัดเจนว่า อะไรก็ตามที่มี Intel อยู่ภายใน ย่อมฉลาดและทำงานได้ดีกว่า
แน่นอนว่าภายใต้ Corporate Brand ที่แข่งแกร่ง ย่อมต้องเกิดจาก Personal Brand ของผู้นำบางคนเป็นผู้ขับเคลื่อน ผมกำลังพูดถึง idol ที่ผมให้เคารพมากที่สุดคนหนึ่ง คือ "Andy Grove" เขาเป็นใคร และพลิกเปลี่ยนโฉม Intel อย่างไร?
Grove เป็นอดีต CEO ของ Intel และเป็นพนักงานคนที่สามต่อจากผู้ก่อตั้ง ในยุคนั้นยังไม่มีระบบ internet ที่แข็งแรง ยังไม่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ คนยังแทบไม่รู้จัก Smart Phone แต่สิ่งที่ Grove เชื่อมาเสมอจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Intel คือ Only Paranoid Survives หรือ คนตื่นตัวเท่านั้นที่อยู่รอด
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อหนังสือนะครับ แต่มันหมายถึง Brand ของตัว Grove เอง ในสมัยนั้น Intel เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากเดิมที่เป็นแค่บริษัทผลิตเมมโมรี่ (Memory) หรือหน่วยความจำ ซึ่งพวกเขาได้รับผลกระทบมากมายจากคู่แข่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากญี่ปุ่น
แต่ความตื่นตัวของ Grove สอนให้เขามองหาหนทางอยู่รอด แทนที่จะแข่งขัน Groveเลือกที่จะเป็นผู้นำ เขาตัดสินใจนำ Intel กระโดดจากฟากของ เมมโมรี่ มาเป็น ไมโครโพรเซสเซอร์ เปลี่ยนจุดยืนของตัวเองจาก การผลิตหน่วยความจำเป็น มาเป็น มันสมอง
แม้ว่าการเปลี่ยนจุดยืนดังกล่าวจะทำให้ Intel ได้เปรียบทางการแข่งขันมากขึ้น แต่ในฐานะผู้ผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ Intel ต้องถูกบังคับให้ทำการตลาดในลักษณะ B2B กล่าวคือ ต้องมีผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ (เช่น IBM และ HP) เอาด้วย
การเป็นแค่ส่วนหนึ่งทำให้ Intel มีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำลง Grove ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งในฐานะ CEO แทนที่จะต่อรองกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Grove เลือกที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คือ การเดินหน้าสื่อสารจุดยืนของแบรนด์ไปยัง กลุ่มผู้บริโภค และนั่น คือ จุดเริ่มต้นของ "Intel Inside" บนความเชื่อที่ว่า ถ้าผู้บริโภคเรียกร้อง ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ก็ไม่มีทางเลือก Grove ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีของ TIME จากการตื่นตัวครั้งนั้น
ปัจจุบัน ไมโครโพรเซสเซอร์ ก็ได้กลายเป็นหัวใจของการพัฒนาระบบอัจฉริยะแทบจะทุกระบบ และเมื่อกล่าวถึง ไมโครโพรเซสเซอร์ น้อยคนที่จะไม่รู้จักแบรนด์ Intel การมี Brand Positioning ที่ชัดเจนและแข็งแรง บวกกับการเป็นองค์กรที่ตื่นตัวอยู่เสมอทำให้ Intel ยังคงความเป็น Top Brand ของโลก ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนก็ตาม
ชัดเจนว่า เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าวไม่ได้เกิดจากไมโครโพรเซสเซอร์แต่เพียงเท่านั้น แต่เกิดจากผู้นำอย่าง Grove ซึ่งเป็นคนที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ในชีวิตของเราทุกคน ความสำเร็จที่ได้รับมานั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เราเตรียมพร้อมและคาดการณ์สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง ออกแบบและวางแผนในการพลิกวิกฤตมาเป็นโอกาส และที่สำคัญ เราต้องสามารถสถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจนว่า เราเป็นใครและกำลังทำอะไร ยิ่งผู้คนเชื่อมั่นมากเท่าไหร่ แบรนด์ยิ่งแข็งแรงมากเท่านั้น
คำถามสำคัญจากโพสต์นี้ คือ แบรนด์ของเราก้าวทันโลกหรือไม่ ถามตัวเองบ่อยๆ นะครับ นักสร้างแบรนด์ทุกท่าน
Credit : BRANDist