สร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จด้วย FACEBOOK

สร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จด้วย FACEBOOK

 

 

 

ปัจจุบันจำนวนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอียึดพื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศไทย จึงไม่น่าแปลกใจว่าหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือทำอย่างไรให้ธุรกิจโดดเด่นท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น

 

เนื้อหา (Content)

“เนื้อหาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” (Content is always king) คือคำกล่าวที่เป็นพื้นฐานของการสร้างตัวตนของแบรนด์และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง วิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดผู้เข้าชมมายังเพจคือการสร้างเนื้อหาที่เป็นรูปภาพ เพื่อสื่ออัตลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าได้อย่างเต็มที่ โดยควรเป็นรูปภาพที่เป็นต้นฉบับเฉพาะของแบรนด์ มีความสวยงามและสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการเลือกใช้รูปภาพหน้าปก (cover photo)และรูปภาพประจำตัว (profile photo)

 

การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting)

การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จของธุรกิจ หัวใจสำคัญไม่ใช่การเข้าถึงผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจหรือมีความเป็นไปได้ว่าอาจสนใจในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ขั้นตอนแรกในการกำหนดกลุ่มผู้รับสารเป้าหมายคือการตีกรอบตัวตนของกลุ่มเป้าหมายในเชิงประชากรและเชิงจิตวิทยา ซึ่งประกอบไปด้วยเกณฑ์ต่างๆ เช่น อายุ ที่อยู่อาศัย ความสนใจ พฤติกรรม เป็นต้น การกำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมายนี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีดึงประสิทธิภาพของเครื่องมือกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebook ออกมาได้อย่างเต็มที่

 

การขยายธุรกิจ (Expand)

หากธุรกิจของคุณได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในประเทศแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ เพื่อข้ามข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ และเดินหน้าทดลองตลาดใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจมักมาพร้อมกับความท้าทายเสมอ ซึ่งสามารถเอาชนะได้ด้วยการใช้เครื่องมือการตลาดที่เหมาะสม

 

ก่อนที่จะขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถทดลองทำแคมเปญในตลาดใหม่ต่างๆ เพื่อวัดกระแสตอบรับว่าแบรนด์มีแนวโน้มและโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในตลาดใดมากที่สุด ผู้ประกอบการสามารถใช้เครื่องมือประเมินผลของ Facebookเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน โดยเน้นพิจารณาผลลัพธ์ด้านการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า (Conversion) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ของกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ

 

การปรับตัวให้เข้ากับตลาด(Localisation)

ปรับตัวให้เข้ากับท้องถิ่นไม่ใช่แค่การแปลภาษาเท่านั้น แต่รวมถึงแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น พฤติกรรม วัฒนธรรม ไปจนถึงวิธีการชำระเงิน การจัดส่ง และช่องทางในการติดต่อสอบถามที่เป็นที่นิยม “

 

Cast Study BagSpac

แบรนด์เครื่องหนังไทย BagSpaceเป็นหนึ่งในหลายๆ ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านการใช้ประโยชน์จากการสร้างเพจบน Facebook และเลือกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และช่วงเวลา โดยหลังจากที่ประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยได้ไม่นาน BagSpaceได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เคล็ดลับความสำเร็จของ BagSpace แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก นั่นคือ เนื้อหา การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย การขยายธุรกิจ และการปรับตัวให้เข้ากับตลาด ซึ่งเอสเอ็มอีไทยสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างแบรนด์บน Facebook ได้เช่นกัน

 

“เมื่อลูกค้าเลือกซื้อกระเป๋าหนัง พวกเขาจะอยากลองถือ สัมผัส เช็ครายละเอียดด้านใน หรือบางคนก็อยากดมกลิ่นหนังเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่การซื้อของออนไลน์ไม่มีทางเลือกอื่นให้นอกจากการใช้ตามองเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการใช้รูปภาพในการสื่อสารจึงเป็นกลยุทธ์ในการขายและการตลาดที่สำคัญของ BagSpaceการใช้รูปภาพที่มีคุณภาพช่วยให้เราขายได้มากกว่าสินค้าแต่รวมถึง “ไลฟ์สไตล์” ที่ลูกค้าของเราต้องการ” ปกรณ์ กิตติประสาธน์ หนึ่งในหุ้นส่วน BagSpace กล่าว

 

นอกเหนือจากการใช้รูปภาพ BagSpaceเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างผ่านการใช้วิดีโอที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์และแนวคิดของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ปัจจุบันการใช้วิดีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอบนแพลตฟอร์มมือถือนั้น เป็นเทรนด์การตลาดที่กำลังมาแรง การผสมผสานเสียง การเคลื่อนไหว และภาพเข้าด้วยกันก่อให้เกิดประสบการณ์เชิงลึกเฉพาะบุคคลและสร้างแรงบันดาลให้กับผู้ชมได้มากกว่า ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า ส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ และที่สำคัญที่สุดคือช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ในที่สุด

 

“ในระยะแรกของการดำเนินธุรกิจ เราตระหนักว่าการตีกรอบกลุ่มผู้รับสารให้แคบลง เพื่อให้เข้าถึงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงใช้เครื่องมือในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebookเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ นั่นคือผู้ชายวัยสามสิบ ซึ่งมีหน้าที่การงานมั่นคง มีกำลังซื้อปานกลางถึงสูงและชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบอย่างประณีต รวมถึงใส่ใจในคุณภาพของสินค้า”

 

“ความสำเร็จบนช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยทำให้เราทราบว่าเราสามารถขายสินค้าของเราได้ทุกที่ผ่าน Facebook” คุณปกรณ์กล่าว “ดังนั้น เราจึงใช้ Facebook ต่อยอดความสำเร็จและนำเราไปสู่กลุ่มเป้าหมายในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีลักษณะทางประชากรที่ใกล้เคียงกับกลุ่มลูกค้าของเรา จากนั้นจึงเปรียบเทียบผลที่ได้รับจากการทำแคมเปญออนไลน์ในแต่ละประเทศ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า นี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะขยายธุรกิจสู่ประเทศอินโดนีเซีย”

 

ภายหลังจากการทำแคมเปญโฆษณาบน Facebook ในอินโดนีเซีย BagSpaceได้รับผลตอบแทนมากถึง 10 เท่าของงบประมาณที่ใช้ในการลงทุน

 

นอกจานี้ยังปรับเพจบน Facebookและเว็บไซต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายชาวอินโดนีเซียด้วยการเพิ่มช่องทางการชำระเงินซึ่งได้รับความนิยมเฉพาะในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังพบว่า การใช้บีบีพิน (BB Pin)เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายสำหรับกลุ่มเป้าหมาย BagSpaceจึงเพิ่มช่องทางการติดต่อด้วย BB Messengerเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าชาวอินโดนีเซีย รวมถึงจ้างพนักงานที่สามารถพูดภาษาบาฮาซาเพื่อบริการลูกค้าผ่านช่องทางคอลล์ เซ็นเตอร์อีกด้วย ผลลัพธ์คือ BagSpaceสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มยอดขายในตลาดอินโดนีเซียได้อย่างแข็งแกร่ง

 

 

 

 

Credit : marketeer.co.th

 2704
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

บทความล่าสุด

รู้หรือไม่ว่า ในช่วงแรกเริ่มของ Alibaba แจ๊ค หม่า ไม่จ้างคนเก่งมาร่วมทีม แต่กลับเลือกคนที่อยู่ลำดับรองมาร่วมงานด้วย
17671 ผู้เข้าชม
หลังเรียนจบปริญญาตรีและเข้าทำงานที่อิออน ห้างค้าปลีกใหญ่สุดของญี่ปุ่น กระทั่งต้นทศวรรษ 1970 ทาดาชิ ยานาอิ ซึ่งอยู่ในวัย 20 กว่าปีก็ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปสานต่อธุรกิจ...
13568 ผู้เข้าชม
ผมมักจะเขียนถึงเรื่องการขายที่เชื่อมโยงกับกีฬาฟุตบอลอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะกีฬาชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับระบบการทำงานในองค์กรอย่างน่าประหลาด
7938 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์