“ความสุขระหว่างบรรทัด” ในโลกที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยม

“ความสุขระหว่างบรรทัด” ในโลกที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยม

 

 

 

 

ความสุข ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราปฏิเสธ หรือยอมรับวัตถุนิยม หากต้องมาจากจิตใจที่เปิดกว้าง

...รู้ว่าเมื่อใดจะไขว่คว้าวัตถุมาเพื่อเติมเต็มความสุข

...รู้ว่าเมื่อใดควรจะให้จิตใจนำทางและลืมเลือนวัตถุที่อยู่ตรงหน้าไป

ยิ่งตีกรอบบังคับเท่าไร ...ความสุขก็ดูเหมือนจะหลุดลอยห่างไกล

บางทีการปล่อยวางสักครู่ ...แล้วค้นหาความสุขระหว่างบรรทัด อาจทำให้ชีวิตมีสีสันและความหมายมากขึ้น

 

1. Creative Economy - เปลี่ยนความสร้างสรรค์ให้เป็นเงิน

 

ความสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน...ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ หากทว่า ศตวรรษที่ 21 ซึ่งมนุษย์ถูกกดทับด้วยสินค้าเชิงวัตถุมากมาย จึงกลับทำให้สินค้าสร้างสรรค์ (Creative Product) เป็นที่โหยหามากกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน มนุษย์ในยุคนี้ก็มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น มีทรัพยากรที่จะแปลงความคิดสร้างสรรค์เป็นผลผลิตได้มากขึ้น ทั้งเพื่อตอบสนองความบันเทิงส่วนตัว เติมเต็มส่วนที่ขาดในชีวิต และแม้กระทั่งเพื่อวางขายในท้องตลาด

 

ด้านมืดของการแปลงความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นสินค้าก็คือ... เมื่อเรากังวลกับการตอบสนองของตลาดมากเกินไป จิตใจของเราก็จะถูกปิดกั้น ความคิดสร้างสรรค์ที่เคยเลื่อนไหลก็จะหยุดนิ่ง ในที่สุดสินค้าของเราก็จะน่าเบื่อไร้รสชาติ ในทางตรงข้าม... ด้านมืดของการพะวงว่า ความคิดสร้างสรรค์จะสูญเสียคุณค่าเมื่อวางขายในท้องตลาด ก็จะทำให้ผู้สร้างสรรค์ตกเข้าสู่ภาวะยึดถืออัตตาเป็นศูนย์กลาง (Ego-Centric) โดยไม่สนใจจะดูดซับความหลากหลายจากโลกความจริงที่ซับซ้อน ไม่ใส่ใจว่ายังมีชีวิตอื่นที่แตกต่าง ยังมีความปรารถนาอื่นที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ยังมีรสนิยมที่แตกต่างจากเรา ซึ่งยังไม่ได้รับการตอบสนอง

 

การปรับตัวให้เข้ากับโลก ปรับพลังสร้างสรรค์ให้เป็นสิ่งที่ตลาดปรารถนา จึงไม่ได้เป็นการทำลายคุณภาพของการสร้างสรรค์ หากเป็นการทำให้พลังสร้างสรรค์มีชีวิตชีวาจากพลังของเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น ตัวอย่างที่ดีที่สุดของกลยุทธ์แบบนี้ก็คือ Shakespeare ที่ผลงานสร้างสรรค์ของท่าน ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะการแสดงละครที่สร้างได้รายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะช่างเอาอกเอาใจผู้คนในยุคสมัยของตน ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถดึงดูดชีวิตชีวาของมนุษย์รอบข้างมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องกล่าวขานถึงไม่เสื่อมคลาย แม้กาลเวลาหลายร้อยปีก็ไม่อาจสั่นคลอนชื่อเสียงของท่านได้

 

การปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความสุขยิ่งทำก็ยิ่งเบิกบาน ยิ่งทำก็ยิ่งมีคุณภาพเพิ่มพูน การสร้างสรรค์จึงควรเริ่มมาจากภายใน ปลดปล่อยแรงบันดาลใจออกมาในทุกท่วงท่า โดยไม่ต้องสนใจว่าจะขายได้หรือไม่ มีคนรับซื้อหรือไม่ หลังจากนั้นจึงค่อยขัดเกลาผลงานให้ประณีตขึ้น ให้สอดคล้องกับตลาดมากขึ้น ให้ดูดซับชีวิตชีวาของโลกภายนอกเข้ามาเติมเต็ม นี่คือ...การประนีประนอม ระหว่างพลังของปัจเจกบุคคล และ ตลาด ....พลังของจิตใจภายในและโลกภายนอก

 

การประนีประนอมที่ทำอย่างประณีตลึกซึ้ง ย่อมนำไปสู่คุณค่าที่สูงส่งกว่าความดันทุรังในคุณภาพตามความเชื่อส่วนตัวที่ไม่เคยมีอยู่จริง ความสร้างสรรค์...จึงเป็นความสุขใหม่ที่เราต้องรีบไขว่คว้าและทำให้เป็นจริง เขียนนิยาย ร้องเพลง ออกแบบบ้าน สร้างนวัตกรรมให้ธุรกิจ ....ทำทีละน้อย เท่าที่ทุนและเวลาจะเอื้ออำนวย ...ทำตามใจปรารถนา แล้วค่อยปรับให้เข้ากับตลาด

 

2. Connection ...แม้แต่กับคนที่เราไม่ชอบหน้า

 

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้น... ไม่ว่าตัวเราจะเป็นนักสร้างสรรค์นวัตกรรมชั้นเลิศ นักวิชาการที่คิดได้ลึกซึ้ง หรือแม้กระทั่ง นักแสดงที่ล้ำเลิศทั้งหน้าตาและบุคลิกภาพ แต่หากไม่มีคนรอบข้างสนับสนุนเลย ความสามารถของเราก็ไร้ค่า การสร้างมิตรภาพกับคนรอบข้าง (Connection) จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากทำให้เรามีความสุขในการตอบสนองสัญชาตญาณแบบสัตว์สังคมที่ติดตัวมาแต่กำเนิดแล้ว... ยังทำให้บุคคลที่เราสร้างความรู้สึกดีไว้ล่วงหน้านั้นเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ผลงานได้รับการตอบรับจากตลาด ได้รับการซื้อหาจากผู้คนอีกด้วย

 

หากทว่า ในโลกความจริงที่โหดร้าย... บางครั้งก็ดลบันดาลให้เราต้องเจอกับคนที่ไม่ชอบหน้า ทั้งโดยคิดไปเอง ทั้งโดยประโยชน์ขัดกัน หรือแม้กระทั่งไม่มีรสนิยมคล้ายคลึงกันเลย เราจะจัดการสถานการณ์ที่น่าหดหู่เช่นนี้อย่างไรดี แน่นอนว่า... บางคนมีความแค้นกับเราอย่างล้ำลึก การให้คืนดีกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนปกติธรรมดา ย่อมไม่เพาะสร้างศัตรูไว้เต็มไปหมด

 

ดังนั้น... คนที่เราไม่ชอบหน้า จึงมักจะมาจากสาเหตุเล็กน้อยเท่านั้น หรือหากจะมีปัญหากันอยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องคลี่คลายได้ หากใส่ใจที่จะแก้ไข การสร้าง Connection กับคนที่ไม่ชอบหน้า จึงเป็นวิธีการชั้นเลิศในการเพิ่มความสุขให้ชีวิต เพราะทำให้เราไม่ต้องหนีปัญหาอีกต่อไป ทำให้เราเปิดใจรับฟังเสียงที่แตกต่าง เพื่อจะนำมาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น

 

ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้เราคาดหวังกับความสมบูรณ์แบบของโลกน้อยลง ยอมรับว่ามนุษย์ไม่สมบูรณ์ ยอมรับว่า คนที่ต่างจากเราก็มีดีในแบบของตน ทำให้เราสามารถโอบรับความหลากหลายเข้ามาเติมเต็มตัวเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ...แทนที่จะปฏิเสธและหนีห่างไป ลองเปิดใจรับฟังเขา ปรับตัวเท่าที่ทำได้ แล้วค่อยมาดูกันว่าผลจะเป็นอย่างไร

 

ถ้าดีขึ้น...ก็เดินหน้าต่อ

ถ้าเลวลง...ก็ละทิ้งไป

 

หากทว่าสิ่งที่ได้ขึ้นมาในทันทีก็คือ... ความสุขในการเปิดใจ ความสุขในการให้โอกาสกับผู้คน และที่สำคัญ คือ... ความสุขในการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของโลก และ ปลดปล่อยตัวเราจากอคติที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

 

3. คิดเล็ก คิดใหญ่ ไม่สำคัญเท่า...ทำได้จริง

 

คิดเล็กหรือคิดใหญ่ดีกว่ากัน เป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีคำตอบที่แน่ชัด แต่ละคนก็เชื่อถือไปตามทางของตน หากทว่า...มันกลับบั่นทอนความสุขในการลงมือทำของเรา เพราะต้องมามัววิตกว่ามันจะเล็กเกินไปไหม มันจะใหญ่เกินกำลังหรือไม่ โดยพื้นฐานแล้ว การเริ่มต้นทำอะไร ก็ควรจะให้เล็กที่สุด เพื่อที่จะควบคุมได้ เพื่อที่จะปรับแก้วิธีการได้สะดวก ...เมื่อมั่นใจแล้วจึงค่อยขยายผลให้ใหญ่

 

หากทว่า ในหลายครั้ง การคิดเล็กเกินไป ก็ทำให้เราติดกับกรอบจำกัด ทำให้เราไม่กล้าระดมทรัพยากรและความช่วยเหลือจากภายนอก ที่สำคัญ การคิดเล็ก ยังไม่เป็นที่ดึงดูดของผู้คน เพราะมนุษย์มักหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งใหญ่อลังการ โดยเฉพาะอะไรที่ดูสวยหรูเปล่งประกาย วิธีที่ดีกว่าคือ การเติบโตแบบ Organic Growth ปล่อยให้สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเป็นตัวตัดสิน โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่เราควบคุมได้ ทำแล้วมีประสิทธิภาพดีเลิศ

 

หลังจากนั้น...จึงนำความสำเร็จมาตกแต่งเป็นเรื่องเล่าที่ดึงดูดใจคน แล้วคอยคัดกรองว่าจะปล่อยให้ทรัพยากรจากภายนอกหลั่งไหลเข้ามามากน้อยเพียงใด ทั้งดิน น้ำ อากาศ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งการพรวนดิน สิ่งที่เป็นตัวตัดสินคือ...ประสิทธิภาพ และ คุณภาพ

 

หากว่าการเปิดรับจากภายนอกแล้วเรายังสามารถทำงานอย่างลื่นไหล คุณภาพสามารถควบคุมได้ ก็ย่อมเป็นสิ่งดีที่จะได้เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จของเรา แต่หากรู้สึกว่าอึดอัด รู้สึกว่าทำงานแล้วไร้ความสุข โดยไม่ได้เกิดจากอคติหรือกรอบคิดที่ปิดกั้น เราก็ควรจะปฏิเสธทรัพยากรภายนอกนั้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เรายังควบคุมองค์กรไว้ได้

 

==================================

 

`ความสุข´ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน พัวพันกับความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิตเรา เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ของผู้คนที่หลากหลาย เราจึงไม่ควรปิดกั้นตัวเองไว้ โดยคิดว่าความสุขเป็นเรื่องของจิตใจที่อยู่ภายในเท่านั้น เพราะนั่นคือ การหลบหนีจากโลก แล้วสร้างความสุขในจินตนาการขึ้นมาหลอกลวงตัวเอง ในโลกที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยม ชีวิตเราก็มีความสุขได้ หากรู้จักสร้างสรรค์

 

 

 

 

Credit : Life 101 Co.,Ltd.

 2230
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

บทความล่าสุด

รู้หรือไม่ว่า ในช่วงแรกเริ่มของ Alibaba แจ๊ค หม่า ไม่จ้างคนเก่งมาร่วมทีม แต่กลับเลือกคนที่อยู่ลำดับรองมาร่วมงานด้วย
16394 ผู้เข้าชม
หลังเรียนจบปริญญาตรีและเข้าทำงานที่อิออน ห้างค้าปลีกใหญ่สุดของญี่ปุ่น กระทั่งต้นทศวรรษ 1970 ทาดาชิ ยานาอิ ซึ่งอยู่ในวัย 20 กว่าปีก็ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปสานต่อธุรกิจ...
12298 ผู้เข้าชม
ผมมักจะเขียนถึงเรื่องการขายที่เชื่อมโยงกับกีฬาฟุตบอลอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะกีฬาชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับระบบการทำงานในองค์กรอย่างน่าประหลาด
7177 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์