ทำไมยอดการเข้าถึง Facebook จึงลดลง? และ Algorithm ใหม่ของ Facebook เป็นยังไง?

ทำไมยอดการเข้าถึง Facebook จึงลดลง? และ Algorithm ใหม่ของ Facebook เป็นยังไง?

 

 

 

 

แน่นอนอยู่แล้วว่า ทุกๆ Facebook Page ต้องการให้ทุกๆ post ใน page ถูกมองเห็น

 

     แต่ ก็เป็นที่รู้ๆกันแล้วว่า Facebook ได้ทำการปรับเปลี่ยน Algorithm ใหม่แล้ว ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้ จะมีผลให้ post ที่มาจาก page นั้นๆ มีคนเห็นน้อยลง

 

     ด้วยเหตุนี้ มี page จำนวนมาก เริ่มประท้วงการทำอย่างนี้ของ Facebook เท่าที่ทราบมา บาง page มียอด Like มากถึง 70,000 Like ก็ลบ page ทิ้งเพื่อทำการประท้วง Facebook

 

     เหตุของการประท้วง เพราะ page ดังๆหลาย page มีจำนวนคนที่เข้าถึง page ได้น้อยลง ซึ่ง page เหล่านั้น ก็ทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้คนเข้ามาทำการ Like ตัว page ให้ได้ ผสมกับพวกเค้าได้ทำการจ่ายเงินซื้อโฆษณาให้กับทาง Facebook (paid for Facebook Ads) เพื่อให้ผู้คนเข้ามา Like ตัว page ของเค้าเยอะขึ้น เพราะเจ้าของ page คิดว่าการซื้อโฆษณาเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้ ทางแบไต๋ฯ จะลองอธิบายประเด็น การปรับเปลี่ยน Algorithm นี้ให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ

 

ปัญหาเรื่องการ Filter หน้า Feed

 

     จากการศึกษา 50,000 post จาก 1000 Page โดย EDGERANK CHECKER (ผู้ให้บริการและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ New Feed Optimization) พบว่า organic reach ถึง page นั้นๆ ลดลงเรื่อย (หมายเหตุ: คำว่า organic reach หมายถึง จำนวนแฟนๆ ที่มองเห็นอัพเดทเนื้อหาของ page บน News Feed ของพวกเขา หรืออาจเป็นผู้ใช้บางคนที่ยังไม่ใช่แฟนเพจของ page นั้นๆ เข้าไปดูที่เพจของ page โดยตรงก็เป็นได้)

  • เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 = 16%
  • เดือนกันยายน ปี 2013 = 12.60%
  • เดือนพฤศจิกายน ปี 2013 = 10.15%
  • เดือนธันวาคม ปี 2013 = 7.83%
  • เดือนมีนาคม ปี 2014 = 6.51%

 

 

 

ดูจากตัวเลขคร่าวๆ จะพบว่าการเข้าถึง page ลดลงเรื่อยๆเกือบ 50% ซึ่งสวนทางกับจำนวน Like ที่มีเพิ่มขึ้น 50%

 

     อาจตีความได้ว่า แม้จะมีผู้คนเข้ามา Like Page มากขึ้น ตัว organic reach ก็ยังลดลง (As people Like more Pages, the organic reach of each drops) จะว่าไป Facebook page และ ของส่วนบุคคลก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายของ Facebook ก็คือ จะเน้นแสดงให้ผู้คนเห็น post ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดที่พวกเขาสามารถเห็นได้ในแต่ละวัน

 

     ด้วยเป้าหมายนี้ ทำให้ Facebook สามารถหาเงินเพิ่มได้จากการลงโฆษณาและสามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้เยอะ เพราะ เนื้อหาของ post ที่มีส่วนร่วมมาก เป็นอะไรที่น่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ นี่เองเป็นสิ่งที่ Facebook ทำการ Filter ว่าอะไรที่ควรโชว์ และอะไรที่ไม่ควรเห็น นี่เอง ที่เราเรียกมันว่า ปัญหาของการ Filter หน้า Feed (the filtered feed problem)

 

Facebook เลือกสิ่งที่จะแสดงในหน้า Feed ยังไง ?

 

     แทนที่ Facebook จะเสียเวลามานั่ง filter ว่า post ไหนควรจะได้ขึ้นหน้า Feed . . . Facebook ได้ปรับเปลี่ยน algorithm ใหม่ ซึ่งตัว algorithm นี้นี่แหละ ที่เป็นตัวกรอง และ คัดเลือก post ต่างๆให้แสดงในหน้า feed

 

     ซึ่ง Will Cathcart (ตำแหน่ง Facebook News Feed Director จากแผนก Product Management) กล่าวว่า ผู้ใช้งาน Facebook ในปัจจุบันมีโอกาสที่จะเห็น post ต่างๆไม่ว่าจาก Facebook ส่วนบุคคลของเพื่อน หรือ Page ในหน้า Feed ตกประมาณ 1,500 post แต่ในบางรายที่มีเพื่อนเยอะๆ และกด Like ตัว page มากๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะเห็น post ในหน้า New Feed ได้มากถึง 15,000 post

 

     ไม่ว่าจะ 1,500 หรือ 15,000 post เป็นเหตุมาจากการ Filter ของ Facebook  algorithm ใหม่นีเองครับ

 

 

 

 

     Facebook  algorithm ที่ว่านี้ใช้ปัจจัยกว่า 100,000 ปัจจัยที่แตกต่างกันในการกรองและเลือก (จากข้อมูลของ marketingland)

 

แต่สามารถสรุปรวมเป็นหัวข้อใหญ่ๆได้จำนวน 5 ปัจจัย ได้แก่

  1. ปัจจัย I หรือ Interest คือ ความสนใจของผู้อื่นที่มีต่อตัว page = page นั้นโดยรวมๆมีจำนวน Like , Share , Comment และ Click มากน้อยแค่ไหน
  2. ปัจจัย P หรือ Post คือ ปัจจัยความนิยมของ post ปัจจุบันที่มีต่อผู้อื่น (everyone) = post ที่ลงไปปัจจุบัน ได้รับความนิยมมากมั้ย เมื่อทุกๆคนเห็น post นี้แล้ว
  3. ปัจจัย C หรือ Creator คือ ปัจจัยความนิยมผลงานในอดีตของ page ที่มีต่อคนดู (viewer) = post ที่ผ่านๆมาในอดีตของ page ได้รับความนิยมจากคนดูแค่ไหน (มีจำนวน Like , Share , Comment และ Click มากน้อยแค่ไหน)
  4. ปัจจัย T หรือ Type คือ ปัจจัยชนิดของ post ที่ตรงกับชนิดของ post ที่คนดู (viewer) นิยมในอดีต = ชนิดของ post ที่ page ทำการ post ออกมา (ชนิด เช่น ข้อความ status ที่เป็น text เฉยๆ , รูปภาพ , ไฟล์ video หรือเป็น Link จากที่อื่น) ตรงกับความสนใจของผู้ชมในอดีตแค่ไหน
  5. ปัจจัย R หรือ Recency คือ ปัจจัยเรื่องความเป็นปัจจุบันของ post = post นั้นๆ ถูก post ไปเมื่อไหร่ ? (บางที post นานแล้วแต่เอามา re-post หรือ share ซ้ำๆ)

 

     จะเกิดสมการใหม่ที่ว่า New Feed Visibility = I x P x C x T x R นั่นเอง

 

จากปัจจัย 5 ข้อใหญ่ๆนี้ ก็พอจะสรุปได้สั้นๆว่า

  • post ไหนที่ได้รับความนิยมสูงๆ ก็จะยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก ยอด reach ก็จะมากขึ้น
  • post ไหนที่คนอ่านแล้ว ก็แค่ลากผ่านๆไปโดยไม่ทำอะไรกับ post นั้นเลย เช่น Like, Comment หรือ Share ต่อไป post ของ page นั้นๆ ก็จะได้รับความนิยมน้อยลง มียอด reach ที่น้อยลง

 

     อย่างที่บอกไปว่าเป้าหมายของ Facebook คือ การขายโฆษณาการ promote page ได้มากขึ้น

 

     ถ้า page ไหนอยากเพิ่มยอด reach ก็เข้าทาง Facebook เค้าเลยครับ คุณก็คงต้องจ่ายเงินซื้อโฆษณาไป

 

 

 

 

     เมื่อรู้ซึงตรรกะของ Facebook algorithm ใหม่แล้ว ก็ลองไปคิดค้นกลยุทธ์ที่เหมาะกับ page ของคุณดูครับ

 

 

 

 

Credit : Beartai.com

 1240
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

บทความล่าสุด

รู้หรือไม่ว่า ในช่วงแรกเริ่มของ Alibaba แจ๊ค หม่า ไม่จ้างคนเก่งมาร่วมทีม แต่กลับเลือกคนที่อยู่ลำดับรองมาร่วมงานด้วย
17671 ผู้เข้าชม
หลังเรียนจบปริญญาตรีและเข้าทำงานที่อิออน ห้างค้าปลีกใหญ่สุดของญี่ปุ่น กระทั่งต้นทศวรรษ 1970 ทาดาชิ ยานาอิ ซึ่งอยู่ในวัย 20 กว่าปีก็ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปสานต่อธุรกิจ...
13568 ผู้เข้าชม
ผมมักจะเขียนถึงเรื่องการขายที่เชื่อมโยงกับกีฬาฟุตบอลอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะกีฬาชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับระบบการทำงานในองค์กรอย่างน่าประหลาด
7939 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์