กลยุทธ์สร้างความร่ำรวย “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์”

กลยุทธ์สร้างความร่ำรวย “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์”

 

 

 

 

พลิกโฉมเด็กกวนกาละแมสู่เศรษฐี 5 หมื่นล้าน กลยุทธ์สร้างความร่ำรวย “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์”!

 

- เปิดตัวตนและวิธีการสร้างความรวย แบบ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” เจ้าของ ‘พฤกษา เรียลเอสเตท’ ที่สามารถผลักดันตัวเองติดทำเนียบเศรษฐีเมืองไทย

 

- ในอดีตสู้ชีวิตจากเด็กกวนกาละแม ผ่านหลากหลายอาชีพล้วนเป็นบทเรียนที่สอนให้รู้ว่ากำไร-ขาดทุน เป็นอย่างไร

 

- สไตล์การบริหารแบบ หลงจู๊ ผสมผสานการบริหารสมัยใหม่ ใช้ Head Hunter ดึงมืออาชีพร่วมงาน

 

- ทุกวัน ทุกเวลา ของเขา ‘คิด-จินตนาการ’ หวังสู่เป้าหมาย 1/10 เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์แห่งเอเชีย…

 

       ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชื่อของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS คงเป็นชื่อแรกๆที่คนทั่วไปนึกถึง โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าตามการประมาณการในตลาดอยู่ที่ 51,860 ล้านบาท รวมถึงติดอันดับเศรษฐีมี่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงสุดในประเทศเป็นอันดับ 8 จาก40 อันดับจากการจัดอันดับของฟอร์บส์ โดยแซงหน้าเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง อนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ไปแล้ว

 

       และหากอาณาจักรพฤกษาของทองมาที่มีมูลค่ามหาศาลจะสร้างความตื่นตะลึงแล้ว หากเราได้รู้ถึงวิธีคิด ตัวตนและการต่อสู้ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของทองมาจะทราบได้ทันทีว่าทุกประสบการณ์ที่เข้ามาในชีวิตของเขานั้นถือเป็นต้นทุนและแรงผลักดันชั้นดีให้ทองมาสามารถสร้างอาณาจักรพฤกษาให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน

 

       พร้อมกับกล้าประกาศนำพาพนักงานกว่า 5,000 คน และตั้งเป้าให้เป็นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ติด 1 ใน 10 ของภูมิภาคเอเชียในปี พ.ศ. 2560 ให้ได้

 

####

 

กำไร-ขาดทุน แรงผลักสำคัญ

 

       แน่นอนว่า ภาพของทองมา และพฤกษาฯที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในวงการอสังหาริทรัพย์ในขณะนี้แล้ว ยิ่งทำให้หลายคนไม่คิดว่า ทองมามีต้นทุนในชีวิตและการสร้างธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเรียกได้ว่าเติบโตมาจากศูนย์อย่างแท้จริง

 

       “ตอนเด็กเราเริ่มขายของไปรับสลากมาขายให้เพื่อนๆมาจับชิงโชคครั้งละ 25 สตางค์ แลกกับของรางวัลพวกของเล่นหรือการเก็บละมุดและกวนขนมกาละแมไปขายที่โรงเรียน จนทำให้รู้จักการประกอบธุรกิจ ซื้อมาขายไป กำไร ขาดทุน ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการทำธุรกิจ” ทองมา ระบุ ชีวิตในวัยเด็กของทองมาที่จังหวัดชลบุรีจึงคลุกคลีกับการค้าขายมาโดยตลอด เนื่องจากครอบครัวทำอาชีพขายกระเพาะปลา และทองมาเริ่มจับการค้าขายมาตั้งแต่วัยเด็กทั้งการเก็บละมุดใส่ถุงไปขาย หรือการกวนขนมกาละแมใส่ห่อใบตองไปขายเพื่อนที่โรงเรียนในช่วงประถมศึกษารวมถึงการแบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยการการปลูกผัก ช่วยบิดาขายกระเพาะปลา ซึ่งเมื่อย้อนไปมองก็จะพบว่าเป็นการปลูกฝังการทำธุรกิจไปโดยปริยาย

 

       จนดูเหมือนว่าวัยเด็กของทองมาจะค่อนข้างลำบากมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ทว่าประสบการณ์ตรงจากการค้าขายเหล่านี้ได้ถือว่าเป็นครูที่ช่วยสอนการค้าขายให้กับเขาและซึมซับความเป็นนักธุรกิจมาโดยไม่รู้ตัว โดยจุดเริ่มต้นจากการแบ่งเบาภาระของครอบครัวมาจนสามารถสร้างนิสัยการรู้จักค้าขายให้เกิดขึ้นมานับจากนั้น

 

####

 

จากช่างทำทอง – สู่วิศวกร

 

       หลังจบชั้นป. ทองมาเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยการเป็นลูกจ้างในร้านขายยาย่านบางรักอยู่ ปี ต่อมาจึงขยับไปเป็นช่างทำทองอยู่ในร้านทองย่านประตูน้ำ ซึ่งใช้เวลาทำงานอยู่ประมาณ ปี โดยระหว่างนั้นทองมาได้ทำงานเก็บเงินและส่งตัวเองเรียนและสอบเทียบการศึกษาควบคู่กันไปจนจบชั้นป.7เข้าสู่ชั้น มัธยมศึกษาและสอบเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาผู้ใหญ่เป็นผลสำเร็จ (ม.ศ.4-5 ณ ขณะนั้น) และเลือกตัดสินใจเข้าสอบในระดับอุดมศึกษาที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

       โดยการเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหตุผลสำคัญมาจากข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย โดยระหว่างการทำงานทองมาทำให้มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งที่หมายมั่นว่าจะใช้เป็นทุนการศึกษาตลอดการเรียนระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นกว่า 30,000 บาทตลอดหลักสูตร และเป็นเงินเก็บจากน้ำพักน้ำแรงในการเป็นช่างทำทองราวๆ 20,000 บาท ทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยประมาณ 2-3 ทุนเป็นเงินประมาณ 5,000บาท และค่าใช้จ่ายจากทางบ้านอีกประมาณ 5,000 บาท

 

       “ในช่วง เดือนแรกที่ไปเรียนวิศวที่จุฬาก็ยังคงทำงานเป็นช่างทองอยู่จนคิดว่าเก็บเงินได้เพียงพอแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะค่าหอพัก ค่ากิน ค่าตำรา ค่าเทอม รวมถึงการเรียนที่หนักมากขึ้นจึงต้องลาออกจากงานเรียนเพียงอย่างเดียวแทน

 

       ทองมาใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น ปีและจบการศึกษาในปี พ.ศ.2524 และเริ่มทำงานในตำแหน่งวิศวกร โดยบริษัทสุดท้ายที่ได้ร่วมงานก็คือ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งถือว่าเป็น เสือที่ประมูลงานก่อสร้างถนน สะพานงานจากกรมทางหลวง โดยช่วงเวลา ปีในฐานะวิศวกร ถือเป็นเป็นช่วงที่ให้ประสบการณ์กับทองมาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับความสามารถในการประเมินราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งถือว่าเป็นความรู้พื้นฐานที่ช่วยทำให้รู้วิธีการในการประมูลงานรวมไปถึงรับเหมาเบื้องต้น เนื่องจากสามารถประเมินทุนค่าใช้จ่าย ค่าวัสดุ ค่าแรงงาน การทำโครงการ และมีประสบการณ์มากพอที่จะผันตัวไปเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในเวลาต่อมา

 

       ขณะที่ทำงานอยู่กับบ. วิจิตรภัณฑ์ฯ ทองมาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในด้านการประเมินราคาอย่างเต็มที่ รวมถึงจุดสำคัญก็คือ บ. วิจิตรภัณฑ์ฯได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท นวรัตน์พัฒนาการจำกัด (มหาชน) ด้วย จึงทำให้เมื่อทองมาแยกตัวออกจาก บ.วิจิตรภัณฑ์ ไปทำเริ่มธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้างจึงมีเครือข่ายในการรับเหมาช่วงก่อสร้าง (Subcontractor) มาจากบ.นวรัตน์ฯ ด้วย

 

       ในช่วงแรกของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังคงอยู่ในสายงานก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยงานในฐานะผู้รับเหมาชิ้นแรกนั้นยังไม่มีเงินทุนมากพอจึงใช้วิธีการได้รับเหมาช่วงก่อสร้าง จาก บริษัท เบสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (บริษัทรับเหมาก่อสร้างจากประเทศไต้หวัน) ซึ่งเป็นงานก่อสร้างสะพานข้ามคลองทั้งหมด แห่งบนถนนสายพนมสารคาม-บ้านสร้าง ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร แต่บทสรุปครั้งแรกของการรับเหมาชิ้นแรกนี้อยู่ที่เสมอตัวคือไม่มีกำไรแต่ก็ไม่ขาดทุน

 

       ต่อมาทองก็ได้เข้าประมูลและรับงานด้วยตนเองจากงานก่อสร้างสะพานบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) โดยประมูลมาจากบริษัท เมด้า จำกัด (meida) อีกต่อหนึ่ง โดยการรับเหมาค่าแรงโดยบริษัท เมดะเป็นผู้ออกค่าวัสดุซึ่งจากประสบการณ์รับเหมางานในครั้งที่ผ่านมาทำให้รายรับที่ได้สูงขึ้นจนหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้นทองมามีกำไรอยู่ที่ประมาณ แสนบาทจากมูลค่าโครงการประมาณ ล้านบาท (ในช่วงปี 2529) ซึ่งทำให้ทองมามีเงินทุนในการทำธุรกิจเพิ่มมาทีละน้อย

 

       จากนั้นทองมาขยับเข้าไปรับงานก่อสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี การก่อสร้างในเครือบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเริ่มจัดตั้งบริษัทและเริ่มรับงานรับเหมาก่อสร้างอย่างเต็มตัวภายใต้ชื่อ ห้างหุ้นส่วน สยามเอ็นจิเนียริง จำกัด จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. 2535 ได้งานรับเหมาครั้งสุดท้ายด้วยมูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท กับโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าดิโอลด์สยามพลาซ่า บริเวณตลาดมิ่งเมือง ถือหุ้นโดยสำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงทำให้ในช่วงชีวิตของการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างของทองมาจึงพอเริ่มจะมีทุนพอสมควรที่จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ขึ้นมานั่นเองเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์

 

       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะมีเงินทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่บ้าง แต่การเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยเงินทุนเพียง 30 ล้านบาท ถือว่าไม่มากนัก และกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ทองมาต้องต่อสู้อย่างหนักอีกครั้ง

 

       ทว่า ภาพลักษณ์ของทองมาที่ทุกคนจดจำได้ดี ก็คือ การเป็นเจ้าพ่อบ้านตลาดล่างหรือราคาไม่แพงมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วทองมา เริ่มต้นในวงการในนาม หจก.สยามเอ็นจิเนียริ่งฯ ลุยในบ้านระดับกลางซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวราคา ล้านบาทจำนวน 10 หลัง บริเวณย่านรัชดาภิเษกในซอยอาภาภิรมย์ และซอยเสือใหญ่ และขยายไปทำทาวน์เฮ้าส์ราคา ล้านบาทในซอยสุขุมวิท 101 อีกประมาณ 12 หลัง ดังนั้นในช่วงเริ่มแรกของทองมาจึงอยู่ที่บ้านระดับกลาง-สูงเฉกเช่นกับนักธุรกิจคนอื่นในวงการอสังหาริมทรัพย์

 

       จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการลงมาลุยในบ้านตลาดล่าง ก็คือ การเข้าฟังปฐกกถาของ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวโน้มที่อยู่อาศัยในบ้านระดับราคาไม่เกิน แสนบาท หรือบ้านในตลาดล่างที่มีความต้องการของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเมินแล้วว่ามีความน่าลงทุนและเป็นไปได้ที่จะพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้เติบโตต่อไปได้

 

       ดังนั้น ในปี พ.ศ.2536 หจก.สยามเอ็นจิเนียริ่งฯ จึงได้เปลี่ยนเป็น บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัดเพื่อลุยในตลาดอสังหารริมทรัพย์อย่างเต็มตัว และได้เริ่มโครงการพฤกษาฯ ที่ อ.รังสิต คลอง จ.ปทุมธานี เป็นโครงการแรก ด้วยโครงการบ้านทาวน์เฮ้าส์ ชั้น จำนวน 1,000 หลัง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีขายหมดในเวลา เดือนแต่ยังเสมอตัวเนื่องจากตั้งราคาขายต่ำเกินไป จนกระทั่งโครงการพฤกษาฯ อ.รังสิต คลอง จ.ปทุมธานีกับโครงการบ้านทาวน์เฮ้าส์จำนวน 1,700 หลัง จึงเริ่มมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์

 

       รวมถึงได้เริ่มขยายบริษัทมากขึ้นจากเดิมที่มีพนักงานทั้งหมดเพียง 40-50 คนซึ่งเน้นในส่วนของฝ่ายก่อสร้างและมีวิศวกรมากกว่าฝ่ายการตลาด จึงทยอยรับพนักงานฝ่ายอื่นๆเข้ามาเรื่อยๆและนำไปสู่โครงการ พฤกษาฯ อ.บางบัวทอง จ.ปทุมธานี โครงการบ้านทาวน์เฮ้าส์ เนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ จำนวนกว่า 7,000 หลัง ซึ่งราคาที่ดินที่สูงถึงราคาไร่ละ ล้านบาทก็แก้ปัญหาด้วยการพยายามทยอยโอนทีละเขตเพื่อที่จะไม่ต้องแบกภาระทางการเงินมากนัก

 

####

 

อุดจุดอ่อนทุนน้อย

 

       นอกจากการวางกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าไว้ที่ตลาดระดับล่างซึ่งมีปริมาณการซื้อเยอะแล้ว อุปสรรคสำคัญที่ไม่อาจลืมได้ก็คือเงินทุนหมุนเวียนของทองมาที่มีไม่มากนัก ทำให้การจัดซื้อที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) เหมือนกับนักพัฒนาที่ดินรายอื่นซึ่งมีที่ดินสะสมเป็นจำนวนมากไม่อาจทำได้ ทองมาจึงต้องคิดสวนทางกัน และเน้นการซื้อที่ดินในทำเลที่มีลูกค้าต้องการซื้อสูงซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินไม่สูงมากนัก เนื่องจากไม่ต้องแบกภาระดอกเบี้ยในการสะสมที่ดิน ทองมาได้ใช้วิธีการนี้มาโดยตลอดกว่า 17 -18 ปีของพฤกษาฯ โดยที่ไม่มีการสะสมที่ดินซึ่งเป็นการคิดนอกรอบด้วยความจำเป็นในเรื่องต้นทุนที่จำกัด

 

       ในปัจจุบันพฤกษาฯยังคงไม่มีที่ดินสะสม แต่ใช้แนวทางการให้ผู้รับเหมาก่อสร้างในเครือแข่งขันกันหาที่ดินมาเพื่อให้พฤกษาฯประมูลในการเตรียมพัฒนาที่ดินต่อไป ซึ่งการแข่งขันของผู้รับเหมาจำนวนมากก็จะช่วยให้พฤกษาฯมีต้นทุนในการจัดหาที่ดินไม่มากนัก

 

       รวมถึงการแก้ปัญหาดอกเบี้ยในการกู้เงินจากธนาคารมาพัฒนาที่ดินนั้น ทองมาตีโจทย์ว่าจะต้องแก้ไขและหมุนรอบการเงินให้เร็วที่สุด โดยคำตอบที่ได้คือ ต้องสร้างบ้านให้เสร็จและสามารถรับเงินโอนจากลูกค้าให้เร็วที่สุด ซึ่งระยะเวลาในการก่อสร้างของล่าสุดของพฤกษาฯอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือน (หรือ120วัน) รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการก่อสร้างซึ่งช่วยให้ลดระยะเวลาในการก่อสร้างได้มากขึ้น ด้วยการใช้แผ่นผนังสำเร็จรูป (Precast) ซึ่งมีการนำมาใช้ตั้งแต่โครงการพฤกษาฯ และพัฒนามาจนและเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตผนังและพื้นสำเร็จรูปแห่งแรกในปีพ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบัน ที่ พฤกษาฯมีโรงงานดังกล่าวแล้ว แห่งและกำลังก่อสร้างอีก แห่ง

 

       แนวคิดดังนี้มีที่มาจากการได้ไปศึกษาตัวอย่างการสร้างคอนโดมิเนียมของ บ.บางกอกแลนด์ ซึ่งสร้างตึกและคอนโดมิเนียม เมื่อเห็นความเป็นไปได้ก็ได้เริ่มศึกษาและจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากประเทศฝรั่งเศสเข้ามาช่วยในการผลิตพื้นและผนังสำเร็จรูปทันที

 

       “แนวคิดก็คือการก่ออิฐฉาบปูนั้นช้าเกินไป ซึ่งเราต้องการการก่อสร้างเสร็จเร็วที่สุดจึงต้องหาวิธีการใหม่ๆเข้ามาช่วย แต่ช่วงแรกยังไม่มีโรงงานแต่เน้นในการสร้างในหน้างานในแบบกึ่งสำเร็จรูปจนพัฒนามาเป็นโรงงานในปัจจุบัน 

 

       อย่างไรก็ตาม จากวิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี พ.ศ. 2540 ทำให้โครงการพฤกษาฯที่เกิดขึ้นในขณะนั้นชะลอตัวไปกว่า ปี ในช่วงของโครงการพฤกษาฯ 4,5,6,7 แต่เมื่อลูกค้ามียอดจองก็ต้องแก้ปัญหาด้วยเร่งสร้างแล้วโอนให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อผ่านพ้นภาวะวิกฤติดังกล่าวไปได้ก็เกิดโครงการพฤกษาฯ8,9 ในช่วงปี พ.ศ.2544-46 จึงได้ขยับจากตลาดบ้านระดับล่างไปเป็นบ้านระดับกลาง-บน

 

####

 

หลงจู๊ทองมา ลุยทุกสมรภูมิบ้าน

 

       ดังนั้น จึงเห็นได้ว่ารูปแบบการทำงานของทองมานั้นมีเป้าหมายที่วางไว้และต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งชัดเจนจากการบุกในตลาดบ้านระดับล่างไปสู่บ้านตลาดกลางและบน รูปแบบการทำธุรกิจที่รวดเร็วและคลอ่งตัวนีส่วนหนึ่งมาจากความกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และลงมือเองในทุกขั้นตอนหรือเป็น หลงจู๊” ที่ดูงาน ตรวจงาน คุมงานเข้มงาน ในทุกระดับการเติบโตของพฤกษาฯจึงขยายตัวอย่างรวดเร็วและโต 25 เปอร์เซนต์มาโดยตลอด

 

       “เหมือนกับว่าเมื่อเราทำบ้านทาวน์เฮ้าส์จนสุด ก็จำเป็นต้องขยับไปในตลาดที่กว้างขึ้น จึงตัดสินใจลุยในตลาดบ้านเดี่ยวระดับล่างและกลางในโครงการต่อๆมา

 

       ต่อมาในปี พ.ศ.2545-46 พฤกษาฯได้ขยับเข้าสู่ตลาดบ้านเดี่ยว ซึ่งเพิ่มจากตลาดเดิมที่เน้นบ้านทาวน์เฮ้าส์เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงจุดสำคัญที่ทองมาต้องการขยับและพัฒนาองค์กรให้โตขึ้นเรื่อยๆ การขยับมาลุยในสมรภูมิบ้านเดี่ยวจึงกลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายอย่างยิ่ง

 

       “ก่อนที่พฤกษาฯจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ถือว่าทำงานหนักมากและทำในทุกรูปแบบทั้งการดูทำเลก่อสร้าง การลงหน้างาน การรับสมัครงาน สัมภาษณ์พนักงานที่ต้องเลือกเฟ้นคนที่มีบุคลิกลักษณะคล้ายกับตนเอง คือ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง สู้งานเป็นหลัก รวมถึงทั้งภาคการเงิน การตลาด ดูเองแทบทั้งหมด แต่มาเบาลงเมื่อเข้าสู่ตลาดแล้วงานทุกอย่างกระจายตามหน่วยธุรกิจสาขาต่างๆไปเกือบหมดแล้ว

 

       การแก้ปัญหาในครั้งนี้อยู่ที่การเลือกทำเล เนื่องจากจุดอ่อนจุดหนึ่งในขณะนั้นก็คือ เงินทุนที่มีไม่มากนัก จึงทำให้การซื้อที่ดินสะสมเพื่อเตรียมไว้พัฒนาโครงการก่อสร้างนั้นไม่มากนัก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกำหนดกรอบ และกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าให้ถูกต้องที่สุด เพื่อลดภาระความเสี่ยงและยอดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหากต้องกู้เงินมาลงทุนจากธนาคารรวมถึงการก่อสร้างโรงงานผลิตผนังสำเร็จรูปก็แล้วเสร็จจึงทำให้สามารถช่วยให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากยิ่งขึ้

 

       แน่นอนว่าจากการเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของพฤกษาฯและทองมา และสามารถผลักดันบริษัท พฤกษาฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นผลสำเร็จ จึงส่งผลอย่างมากต่อพลังในการขยายธุรกิจของพฤกษาฯ ทั้งบ้านทาวน์เฮ้าส์ บ้านดี่ยวทุกระดับราคา คอนโดชานเมืองและใจกลางเมือง และจัดหน่วยธุรกิจ (SBU)

 

####

 

จ้าง ‘Head Hunter’ ซื้อมือดี ขยายธุรกิจ

 

       ในเวลานั้นบทบาทของทองมาจึงไม่ต่างจากหลงจู๊ ที่ต้องล้วงลูกและเข้าดูแลงานในทุกขั้นตอนเองแทบทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้พฤกษาฯเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และขยายกลุ่มธุรกิจนี้ แม้ว่าในกลุ่มบ้านทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านเดี่ยวระดับล่าง ทองมาจะถือว่ามีประสบการณ์ค่อนข้างโชกโชน แต่การขยายในหลายสาขานั้นจำเป็นหามือดีเข้ามาช่วยเสริมจุดอ่อนของทองมา ซึ่งตัวเขาเองก็ทราบดีว่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นที่เขาไม่เชี่ยวชาญจำเป็นต้องมีมือดีเข้ามาช่วยงานซึ่งถือเป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญ

 

       “เราก็แจ้งกับบริษัทเฮดฮันเตอร์ไปว่า เราอยากได้แบบไหน ก็บอกไปซึ่งก็มีอยู่หลายบริษัทที่ใช้บริการอยู่ โดยที่เราจะไม่เน้นกำหนดสเปค แบบที่อยากได้เป็นพิเศษแต่จะมาดูว่าแต่ละคนนั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งในอดีตนั้นมีกว่าครึ่งต่อครึ่งแต่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะพัฒนาขึ้นมาเองจากภายในบ้างแล้ว

 

       ทองมา แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการควานหามือดีโดยว่าจ้างบริษัทสรรหาบุคลากร (Head Hunter) โดยในขณะนั้นทองมาได้ว่าจ้างบริษัท บอยเด้นท์ (Boydent) รวมถึงอีกหลายบริษัทที่เคยว่าจ้างในการเฟ้นหามือดีเข้ามาช่วยในการขยายธุรกิจจนทำให้ได้มือดีเข้ามาร่วมงานมากมาย อาทิ ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ มารับตำแหน่งกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการดูในสายงานการวางแผนธุรกิจและการขาย

 

       ณรงค์ มาณพวัฒน์ อดีตรองประธานบริหาร ฝ่ายปฏิบัติการจาก บมจ.เค-เทค คอนสตรัคชั่น มารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสำนักปฏิบัติการ และ วรรณา ชัยสุพัฒนากุล อดีตผู้บริหารจาก บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ มารับตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของพฤกษาฯ เพื่อบริหารในสายงานคอนโดมิเนียม

 

       วีระ ศรีชนะชัยโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. จำกัด (มหาชน)ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบ้านเดี่ยวแบรนด์ พฤกษา วิลเลจ” ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในบริษัทใหญ่อย่าง บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ในตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการส่วนงานบริหาร มาก่อน

 

       อมรพล ธูปะวิโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานโรงงาน Precast เคยเป็นผู้จัดการโครงการก่อสร้าง บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ในโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมาก่อน และ วีระวิทย์ สัตยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท เม็ซคอนซัลแทนท์ จำกัด

 

       “ยอมรับว่าการมีผู้ร่วมงานที่มากประสบการณ์ซึ่งมีที่มาหลากหลาย อาจจะต้องมีเหตุให้ต้องสะดุด หรืออาจมีการดึงตัวจากที่อื่นก็เป็นไปได้เพราะคือการแข่งขันทางธุรกิจแต่ก็พยายามดูแลให้ดีที่สุด หรือค่อยๆแก้ปัญหากันไปหากว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

 

       ขณะที่ลูกหม้อที่ทองมาปั้นขึ้นมาเองนั้น ก็ดูเหมือนจะมีเพียง ปิยะ ประยงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายการผลิต หจก.สยามเอ็นจิเนียริ่ง มาก่อนเท่านั้น

 

####

 

ยิ่งเหนื่อยหนัก เมื่อตั้งเป้า ใน10 เอเซีย

 

       และจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกย่างก้าวของทองมาที่จะเติบโตควบคู่ไปกับการเติบโตของพฤกษาฯ ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วมาโดยตลอดด้วยการตั้งเป้าหมายในทุกระยะของทองมา จึงทำให้พฤกษาฯเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการตั้งเป้าในช่วง 3-4 ปีก่อนว่าจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเมื่อถึงพอปี 52 พฤกษาฯก็มีรายได้เยอะที่สุด และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

 

       และเมื่อเป้าหมายสำเร็จ ก็จำเป็นต้องมองในอนาคตต่อไปเพื่อนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมากที่สุด ซึ่งอุปสรรคสำคัญในประเทศที่มีการประเมินแล้วว่ากำลังซื้อภายในประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 ยูนิต หรือประมาณ แสนล้านบาท จึงจำเป็นต้องหาลู่ทางในการเติบโตต่อไปด้วยการขยายตลาดไปยังต่างประเทศทั้งประเทศอินเดีย เวียดนามและมัลดีฟท์ ที่พฤกษาฯเริ่มเปิดตลาดไปบ้างแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ยังมีฟิลิปปินส์และจีน ที่รอการตัดสินใจลงทุนหากโอกาสเอื้ออำนวย

 

       “การที่จะนำพาองค์การให้เติบโตต่อไปได้ ส่วนหนึ่งต้องมองที่อุปสรรค หากไม่ทำอะไร จะเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เราต้องมองไปยังการเติบโตในรูปแบบอื่นๆต่อไป เพื่อให้องค์กรเติบโตมากที่สุดทั้งเป้าหมายในประเทศที่สำเร็จไปแล้ว และการวางเป้าหมาย ใน 1ของเอเชียก็คือเป้าหมายต่อไป เพราะหากไม่มีเป้าหมายองค์กรก็จะไม่เติบโต

 

       แม้ว่า ทองมาจะวางเป้าหมายและกระจายหน่วยทางธุรกิจให้กับพฤกษาฯแล้วจนดูเสมือนว่าจะลอยตัวแล้ว ซึ่งมีหน้าที่หลักก็คือการเลือกหาทำเลที่จะพัฒนาที่ดินต่อไป และการสัมภาษณ์เพียงเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้ว ทายาททางธุรกิจ” ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของทองมาก็ยังไม่ปรากฎ ดังนั้น การที่จะวางมือและนั่งดูบนหอคอยก็ยังคงเป็นอนาคตที่ทองมาจะยิ่งเหนื่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

       “เราเติบโตจากการเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงาน เราจะเห็นทุกอย่าง ทุกระดับ เคยอยู่ทั้งในบริษัทที่ไม่เคยเติบโต เงินเดือนแบบเดือนชนเดือนและเมื่อเรามีบริษัทของเราก็ต้องหนักแน่นและนำพาองค์การให้โตต่อไปได้ แต่ตอนนี้ตำแหน่งซีอีโอที่เป็นอยู่ก็ถือว่าค่อนข้างลอยตัว เพราะทุกหน่วยธุรกิจมีคนอื่นรับผิดชอบอยู่แล้ว โดยเราจะเน้นในงานการเลือกทำเลและช่วยสัมภาษณ์บุคคลากรระดับสูงเท่านั้น

 

       แม้ว่า พฤกษาฯ จะดูเหมือนเติบโตในจุดที่สูงสุดแต่เป้าที่ที่ถือว่าค่อนข้างยาก ก็เป็นสิ่งที่ท้ายทายทองมาอย่างมาก แม้ว่าจะมีการเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการดึงมือดีมาร่วมงานมากมาย แต่อย่างไรเสีย อาณาจักรพฤกษาฯที่ทองมาเป็นผู้ก่อตั้งมาก็ยังไม่มีทายาทที่จะเข้ามาสานงานต่อ ซึ่งค่อนข้างจะสวนทางกับเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้ใน ใน 10 บริษัทอสังหาในภูมิภาคเอเชียอย่างยิ่ง จึงต้องจับตาดูว่าทองมาจะสามารถนำพาพฤกษาฯให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้หรือไม่

 

*************

 

’3 ส่วน’ ผสมลงตัวของ ทองมา” ล้วนเป็นเส้นทางสู่มหาเศรษฐีไทย

 

       เปิดเส้นทางสู่นักพัฒนาอันดับ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ของ ทองมา วิจิตรพงษ์พันธ์” จนนำพาบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตทก้าวสู่ความสำเร็จระดับหลายหมื่นล้าน พบ ส่วนผสมที่ลงตัว ทั้งเป็น วิศวกร-นักประเมิน-นักต่อรอง” ทำให้ทองมาเป็นคนเก่งระดับมือชั้นเซียน!

 

       เส้นทางจากดินสู่ดาว จะมีกี่คนที่ประสบความสำเร็จได้จากคนธรรมดาๆ จนกลายเป็นนักธุรกิจระดับหมื่นล้านบาท และกลายเป็นนักพัฒนาอันดับ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ อย่าง ทองมา วิจิตรพงษ์พันธ์” CEO พฤกษาเรียลเอสเตท

 

       เส้นทางสู่ความสำเร็จของ ทองมา” และ พฤกษาเรียลเอสเตท” กว่า 17 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่ได้เกิดจากการมีเงินถุงเงินถังจำนวนมากในการเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่เกิดจาก ความเก่ง” “ความพยายาม” และความมั่นใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าของคนที่ชื่อ ทองมา วิจิตรพงษ์พันธ์แบบที่เรียกว่าไม่พึ่งพรสวรรค์แต่เป็น พรแสวงล้วนๆ

 

ตั้งเป้าสูงแล้วไปให้ถึง

 

       แหล่งข่าวในแวดวงก่อสร้าง ซึ่งเคยร่วมศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงชีวิตในช่วงวัยเรียนของทองมาว่า เป็นเด็กจากต่างจังหวัด ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก ทำให้ต้องเข้ามาเรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆประมาณ ปี เป็นคนตั้งใจเรียนมาก เงียบๆไม่โดดเด่น มีเพื่อนฝูงอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่งเพื่อนๆในยุคนั้นไม่มีใครมองว่าทองมาจะกลายเป็นเศรษฐิใหญ่เหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้เลย

 

       “ทองมาเป็นคนเงียบๆ ขยัน แต่ด้วยการที่เป็นคนเรียนช้าจึงไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ว่ามีความพยายาม และตั้งใจสูงมาก ไม่มีความโดดเด่น ตอนนั้นทุกคนในคณะมองว่าคนที่จะเด่นและมีชื่อเสียงในอนาคต ก็คือ คุณประสาร ไตรวรรัตน์กุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันเพราะเป็นคนเก่งมาก ส่วนทองมาไม่มีแววว่าจะรุ่งเลย

 

       หลังจากเรียนจบทองมาเริ่มงานในตำแหน่งวิศวกร แม้ว่าจะได้เริ่มงานในบริษัทเล็กแต่ก็มีความเกี่ยวพันกับบริษัทใหญ่อย่าง บ.นวรัตน์พัฒนาการจำกัด (มหาชน) โดยรับผิดชอบในงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน สะพาน รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งความอุตสาหะพยายาม ตั้งใจจึงทำให้ทองมามีความกระตือรือร้นและรับผิดชอบมากกว่าวิศวกรรุ่นพี่หลายเท่า จึงทำให้มีประสบการณ์ในแวดวงก่อสร้างและงานสำคัญที่ส่งให้ ทองมา นำพาพฤกษาฯจนสำเร็จทุกวันนี้ด้วยคืองานประเมินราคา เพราะว่าทำให้ทองมา รู้จักการประมาณราคา การควบคุมราคา ที่เป็นต้นทุนในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี และสามารถคัดเลือกทำเล เลือกที่ดิน ได้อย่างถูกต้องตรงจุด ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในเวลาต่อมา

 

       และเมื่อทองมาเข้าสู่วงการรับเหมา ก็สร้างด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนจึงทำให้มีการเติบโตที่ค่อนดี ประกอบกับในยุคนั้นเป็นช่วงที่แวดวงก่อสร้างค่อนข้างบูม บรรดาผู้รับเหมาจึงพากันเติบโตซึ่งเพื่อนในกลุ่มผู้รับเหมาของทองมาล้วนมีเงินติดตัวในระดับ 100 ล้านบาทกันแทบทั้งนั้น (พ.ศ. 2523)

 

       จนเมื่อทองมาเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญ ซึ่งหมายถึงโครงการก่อสร้างในปริมาณและขนาดที่มากกว่าการเป็นเพียงผู้รับเหมามากมายหลายเท่า และการนำเทคโนโลยีในลักษณะใกล้เคียงกับบ้านน๊อคดาวน์มาใช้ในระดับต้นๆของประเทศไทย จึงทำให้สามารถสร้างบ้านได้เสร็จเร็วและรับเงินเร็วจนไม่มีภาระหนี้สินกับธนาคาร

 

       “จุดเด่นในตอนนั้นก็คือทองมาเป็นวิศวกรมาก่อน มีประสบการณ์ในด้านการผลิต รู้ขั้นตอนกระบวนการ ขั้นตอนทุกอย่างมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในทุกขั้นตอน จึงทำงานได้ค่อนข้างดี จนกระทั่งสามารถนำเงินที่ลูกค้าโอนมาหมุนเวียนโดยไม่เสียดอกเบี้ยให้กลับธนาคารเลยเพราะโครงการสร้างเสร็จได้รวดเร็วมาก

 

มือชั้นเซียนบริหารราคาที่ดิน

 

       นอกจากจุดเด่นในความเป็นนักวิศวกรของทองมา ทำให้เขาพัฒนารูปแบบการสร้างบ้านได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงแล้วนั้น ทองมายังมีจุดเด่นในเรื่องการบริหารงานที่ดิน อย่างที่เรียกได้ว่าเป็นมือชั้นเซียน

 

       วสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส เปิดเผยว่า พฤกษาฯ เป็นบริษัทที่มีการบริหารที่ดิน โดยเฉพาะราคาที่ดินที่เก่งมาก

 

       ลักษณะวิธีการเลือกซื้อที่ดินที่ ทองมา ใช้มาตลอด และทุกวันนี้ แม้จะใช้วิธีการบริหารโดยรูปแบบ BSU แต่ทองมา ก็ยังคุมงานด้านการเลือกทำเล และการซื้อที่ดินด้วยตัวเอง เพราะเป็นงานที่ทองมาเก่ง และมีวิสัยทัศน์ในการประเมินที่ดินแบบที่เรียกว่าเก่งหาคนจับยาก

 

       “พฤกษาเริ่มมาจากตลาดล่างแลวขยายไลน์มาสู่การทำคอนโดมีเนียมราคาแพงในไทย ทำเลของพฤกษาในแต่ละโครงการนั้น ต้องบอกว่าตรงไหนทำเลดี พฤกษามีครบหมด”  ลักษณะการเลือกใช้บริษัทนายหน้าที่ดินหลายๆเจ้า เพื่อสร้างพลังในการต่อรองกับเจ้าของที่ดินเป็นวิธีถนัดของทองมา

 

       โดยอันดับแรกจะเลือกย่านที่จะจัดทำโครงการต่างๆก่อน แล้วค่อยหาที่ดิน ซึ่งทองมาใช้วิธีจ้างบริษัทนายหน้าที่ดิน หรือให้เจ้าของที่เสนอที่ดินเข้ามาขาย ทีละหลายๆเจ้า และในย่านหนึ่งๆจะมีที่ดินให้ทองมาเลือกมากถึง 10-20 แปลง ซึ่งนอกจากบริษัทนายหน้าแล้ว เจ้าของที่ดินเอง ยังสนใจและนำเสนอที่ดินขายให้พฤกษาอย่างต่อเนื่อง

 

       “จะทำ โครงการ มีที่ดินให้เลือก 10 แปลงขึ้นไป เมื่อเป็นอย่างนั้น พลังต่อรองของพฤกษาจึงสูงมาก สามารถเลือกได้ว่าจะเอาที่ไหน ราคาเท่าไร เพราะมีตัวเลือกเยอะ อันนี้คือเทคนิคของพฤกษาที่เก่งมาก

 

       ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ในประเทศไทยก็ยิ่งส่งผลให้พลังต่อรองมาอยู่ที่ฟากนายทุนมากกว่าเจ้าของที่ดิน เพราะเจ้าของที่ดินมีความต้องการขายที่ดินแปลงใหญ่ๆจำนวนมาก

 

       เมื่อที่ดินได้มาในราคาที่ถูกมาก การบริหารต้นทุนค่าก่อสร้างก็ถูก นอกจากนี้ พฤกษาจะใช้วิธีไม่สะสมแลนด์แบงค์ จะใช้วิธี ซื้อแล้วสร้าง ทำให้ไม่เสียดอกเบี้ยที่ดิน ไม่มีต้นทุนดอกเบี้ยที่ดิน ทำให้พฤกษาได้เปรียบด้านราคากับคู่แข่ง จึงกลายเป็นจุดแข็งของพฤกษาที่ยากที่ใครจะเลียนแบบ

 

       “คุณทองมาจะคำนวนราคาขายก่อน ค่อยไปกำหนดราคาซื้อที่ดิน จากนั้นค่อยไปหาซื้อที่ดินให้ได้ราคาที่ตั้งเป้าไว้ ตรงนี้ทำให้ราคาขายกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการคำนวนอย่างละเอียด สมมติว่าคอนโดนี้ ทำเลนี้ คุณภาพนี้ ที่จริงต้องขาย ล้านบาท แต่พฤกษาจะขายในราคาแค่ ล้านกว่าบาท ทำให้พฤกษายิ่งขายดี

 

พิสูจน์ฝีมือบริหาร คนเก่ง

 

       อย่างไรก็ดี เรียกได้ว่า พฤกษา ประสบความสำเร็จได้ เพราะตัว ทองมา ก็ไม่ผิดนัก อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ พฤกษาได้เปลี่ยนวิธีการบริหารงาน โดยให้มืออาชีพสายงานต่างๆมาทำงานมากขึ้น

 

       แหล่งข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องพิสูจน์ฝีมือการบริหารคนของทองมา เพราะหลังจากทองมานำพฤกษาเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทองมาเป็นคนที่ทำงานหนักจึงมีการเพิ่มทีมเข้ามาช่วยด้านต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ตัว ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต มือการตลาดจากลลิลพร็อพเพอร์ตี้ เข้ามาช่วยในการทำตลาดจึงทำให้พฤกษาเติบโตเร็วขึ้น ซึ่งเหมือนการนำผู้ที่ก่อสร้างเก่งมารวมกับคนที่ขายเก่งธุรกิจจึงเติบโตรวดเร็วมาก

 

       “ทองมา ตั้งปณิธานไว้ว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นมาจะต้องอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และต้องอยู่ในแถวหน้าของตลาด ทองมายึดหลักนี้มาตลอด และทำงานหนักมาก และเติบโตมาจากพรแสวง 100ร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีใครที่จะทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนที่ออฟฟิศแบบทองมา

 

       จากนั้นจึงมีการดึงมือดีในสายงานด้านต่างๆเข้ามาช่วยอีกเป็นจำนวนมาก จนทำให้พฤกษาเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้ทองมาได้เริ่มให้พฤกษาเข้าไปทำโครงการในสายบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมไปจนถึงการไปรุกตลาดต่างประเทศทั้งอินเดีย เวียดนาม และมัลดีฟท์

 

       แต่การดึงมือดีเข้ามาร่วมงานก็ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะต้องพิสูจน์ฝีมือการบริหารของทองมา หลังจากที่ในอดีตทองมารับหน้าที่แม่ทัพเพียงคนเดียว แต่เมื่อขยับเป็นจอมทัพและมีขุนศึกในมือมากมายจึงเพิ่มจากการบริหารเป็นการบริหารคนไปพร้อมๆกัน และการบริหารคนก็ถือเป็นสิ่งที่คนในวงการจับตาดูว่าพฤกษาจะยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนดังยุคที่ทองมากุมบังเหียนเพียงคนเดียวหรือไม่

 

       “ที่ผ่านมาทุกคนยอมรับว่าพฤกษาที่โตแบบก้าวกระโดดและรวดเร็วนั้น เพราะทุกอย่างมาจากทองมา ทั้งแนวคิด วิธีการตัดสินใจแบบทองมาทุกอย่างพฤกษาจึงมาแรงในแบบทองมา แต่เมื่อต้องเข้าสู่ยุคบริหารคน ทองมาที่ต้องคุมทัพและส่งขุนศึกไปรบในสมรภูมิต่างๆจะสามารถคุมได้หรือไม่ แหล่งข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์กล่าว

 

       จากนี้ไปจึงต้องจับตาดูว่า ทองมา จะสามารถควบคุมการบริหารจัดการได้ตามเป้าหมายหรือไม่ภายใต้มืออาชีพที่ทองมาเป็นผู้เลือกเข้ามาร่วมงานทั้งสิ้น และหากดำเนินการไปได้ การประกาศเป็น ใน 10 ด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งภูมิภาคเอเชียจึงย่อมเป็นจริงได้เช่นกัน

 

พลิกโฉมเด็กกวนกาละแมสู่เศรษฐี หมื่นล้าน กลยุทธ์สร้างความร่ำรวย ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์”!

 

 

 

 

Credit : ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

 9024
ผู้เข้าชม

myAccount Cloud Accounting โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับ SMEs โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ทำให้การทำบัญชีของคุณ เป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว

ข่าวสารล่าสุด

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2557 เวลา 13.30-16.00 น. อาจารย์นิลาวรรณ วงศ์ศิลปมรกต อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ พร้อมคณะอาจารย์ และ ...
2116 ผู้เข้าชม
หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ พร้อมคณะอาจารย์ และ นักศึกษาระดับชั้น ปวช.ปีที่ 1 รวมทั้งสิ้น 73 คน ได้เข้าเยี่ยมชม บริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค จำกัด
2702 ผู้เข้าชม
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 เวลา 14.00 น. Mr. Marc Miller Vice Consul ได้เข้าเยี่ยมชมบริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค จำกัด
2200 ผู้เข้าชม

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์